

Speaking is an interactive process of constructing meaning that involves producing and receiving and processing information (Brown, 1994) It is a productive skill because speaker is the one who give information or sender. The receptive skill is reading and listening.
Teaching speaking mean helping students
to understand voice, vocabulary, grammar, or
linguistic competence. Speaking lessons can
follow the usual pattern of preparation,
presentation, practice. The teacher can use the
"preparation" step to establish a context for the
speaking task. In "presentation", the teacher
can provide learners with a preproduction model that furthers learner comprehension and helps them become more attentive observers of language use. "Practice" involves learners in reproducing the targeted structure. (Brown, 1994; Burns & Joyce, 1997; Carter & McCarthy, 1995).
Speaking is key to communication. By considering what good speakers do, what speaking tasks can be used in class, and what specific needs learners report, teachers can help learners improve their speaking and overall oral competency.
Excerpted from: http://mark2mint.blogspot.com/2011/02/speaking-skill.html
การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
(Speaking skills)
เทคนิคการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษ (Speaking Skill) การสอนภาษาทุกภาษา มีธรรมชาติของการเรียนรู้เช่นเดียวกัน คือ เริ่มจากการฟัง และการพูด แล้วจึงไปสู่การอ่านและการเขียน ตามลำดับ การสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษในเบื้องต้น มุ่งเน้นความถูกต้องของการใช้ภาษา (Accuracy) ในเรื่องของเสียง คำศัพท์ (Vocabulary) ไวยากรณ์ (Grammar) กระสวนประโยค (Patterns)
ดังนั้น กิจกรรมที่จัดให้ผู้เรียนระดับต้นได้ฝึกทักษะการพูด จึงเน้นกิจกรรมที่ผู้เรียนต้องฝึกปฏิบัติตามแบบ หรือ ตามโครงสร้างประโยคที่กำหนดให้พูดเป็นส่วนใหญ่ สำหรับผู้เรียนระดับสูง กิจกรรมฝึกทักษะการพูด จึงจะเน้นที่ความคล่องแคล่วของการใช้ภาษา (Fluency) และจะเป็นการพูดแบบอิสระมากขึ้น เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการพูด คือ การสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วยการพูดอย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว ครูผู้สอนจึงควรมีความรู้และความสามารถอย่างไร จึงจะสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการพูดให้แก่ผู้เรียนได้อย่างสอดคล้องกับระดับและศักยภาพของผู้เรียน
เทคนิคการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
เทคนิคการสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
(Speaking Skills) การสอนภาษาทุกภาษา มีธรรมชาติของ
การเรียนรู้เช่นเดียวกัน คือ เริ่มจากการฟัง และการพูด แล้วจึง
ไปสู่การอ่านและการเขียน ตามลำดับ จุดมุ่งหมายของการพูด
คือ การสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วยการพูดอย่างถูกต้องและ
คล่องแคล่ว ครูผู้สอนควรมีความรู้และความสามารถอย่างไร
จึงจะสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการพูดให้แก่ผู้เรียน
ได้อย่างสอดคล้องกับระดับและศักยภาพของผู้เรียน
การสอนภาษาทุกภาษา มีธรรมชาติของการเรียนรู้เช่นเดียวกัน คือ เริ่มจากการฟัง และการพูด แล้วจึงไปสู่การอ่านและการเขียน ตามลำดับ การสอนทักษะการพูดภาษาอังกฤษในเบื้องต้น มุ่งเน้นความถูกต้องของการใช้ภาษา (Accuracy) ในเรื่องของเสียง คำศัพท์ (Vocabulary) ไวยากรณ์ (Grammar) กระสวนประโยค (Patterns) ดังนั้น กิจกรรมที่จัดให้ผู้เรียนระดับต้นได้ฝึกทักษะการพูด จึงเน้นกิจกรรมที่ผู้เรียนต้องฝึกปฏิบัติตามแบบ หรือ ตามโครงสร้างประโยคที่กำหนดให้พูดเป็นส่วนใหญ่ สำหรับผู้เรียนระดับสูง กิจกรรมฝึกทักษะการพูด จึงจะเน้นที่ความคล่องแคล่วของการใช้ภาษา
( Fluency) และจะเป็นการพูดแบบอิสระมากขึ้น เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการพูด คือ การสื่อสารให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วยการพูดอย่างถูกต้องและคล่องแคล่ว ครูผู้สอนจึงควรมีความรู้และความสามารถอย่างไร จึงจะสามารถจัดการเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะการพูดให้แก่ผู้เรียนได้อย่างสอดคล้องกับระดับและศักยภาพของผู้เรียน
เทคนิควิธีปฎิบัติ
กิจกรรมการฝึกทักษะการพูด มี 3 รูปแบบ คือ
1. การฝึกพูดระดับกลไก (Mechanical Drills) เป็นการฝึกตามตัวแบบที่กำหนดให้ในหลายลักษณะ เช่น
- พูดเปลี่ยนคำศัพท์ในประโยค (Multiple Substitution Drill)
- พูดตั้งคำถามจากสถานการณ์ในประโยคบอกเล่า (Transformation Drill)
- พูดถามตอบตามรูปแบบประโยคที่กำหนดให้ (Yes/No Question-Answer Drill)
- พูดสร้างประโยคต่อเติมจากประโยคที่กำหนดให้ (Sentence Building)
- พูดคำศัพท์ สำนวนในประโยคที่ถูกลบไปทีละส่วน (Rub out and Remember)
- พูดเรียงประโยคจากบทสนทนา (Ordering dialogues)
- พูดทายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในบทสนทนา (Predicting dialogue)
- พูดต่อเติมส่วนที่หายไปจากประโยค (Completing Sentences )
- พูดให้เพื่อนเขียนตามคำบอก (Split Dictation) ฯลฯ
2. การฝึกพูดอย่างมีความหมาย (Meaningful Drills) เป็นการฝึกตามตัวแบบที่เน้นความหมายมากขึ้น มีหลายลักษณะ เช่น
- พูดสร้างประโยคเปรียบเทียบโดยใช้รูปภาพ
- พูดสร้างประโยคจากภาพที่กำหนดให้
- พูดเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ในห้องเรียน ฯลฯ
3. การฝึกพูดเพื่อการสื่อสาร (Communicative Drills) เป็นการฝึกเพื่อมุ่งเน้นการสื่อสาร เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสร้างคำตอบตามจินตนาการ เช่น
- พูดประโยคตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง (Situation)
- พูดตามสถานการณ์ที่กำหนดให้ (Imaginary Situation)
- พูดบรรยายภาพหรือสถานการณ์แล้วให้เพื่อนวาดภาพตามที่พูด (Describe & Draw)


ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาทักษะการพูด
กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ วิชาภาษาอังกฤษ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
Unit: Places
Topic: Interesting Places in Community
Sub-topic: Sites